iPad Air 2 เปิดตัวแล้ว : สรุปข้อมูลสเปค และ ฟีเจอร์ใหม่ๆ พร้อมราคา และ วันวางจำหน่าย
ล่าสุดทาง Apple นั้นได้มีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ อย่าง iPad Air 2 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ ตัวเครื่อง ที่มีความบางลงมากกว่าเดิมถึง 18% โดยมีความบางเพียง 6.1 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ สเปคที่ปรับปรุงใหม่ รวมถึงมาพร้อมกับ Touch ID ให้ได้ใช้งานกันแล้ว ซึ่งในวันนี้ ทีมงานได้ทำการสรุปข้อมูล สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าออกมาให้ได้ชมกันว่า iPad Air 2 นั้นจะมีสเปคที่ดีขึ้นขนาดไหน และ จะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ลองมาชมกันเลยดีกว่าครับ
สเปคในเบื้องต้นของ iPad Air 2
- ขนาดตัวเครื่อง 240x169.5x6.1 มิลลิเมตร- น้ำหนักตัวเครื่อง 437 กรัม
- ขนาดหน้าจอ 9.4 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล (264ppi)
- ชิปประมวลผล A8X แบบ 64bit
- ชิป Apple M8 สำหรับ ประมวลผลข้อมูลการเคลื่อนไหว
- รองรับการใช้งาน Touch ID
- กล้องดิจิตอลด้านหลัง (iSight) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- มาพร้อมกับ เซ็นเซอร์ บารอมิเตอร์
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ 4G (สำหรับรุ่น Cellular)
- ความจุ 16, 64 และ 128 GB
- ระบบปฏิบัติการ iOS 8
iPad Air 2 กับดีไซน์ ที่เบา และ บางเหลือเชื่อ
หลังจากสร้างความประทับใจในด้านความบางไปแล้วใน iPad Air รุ่นแรก ล่าสุด Apple ออกแบบให้ iPad Air รุ่นใหม่นี้ มีความบางลงจากเดิมอีกถึง 18% ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ มีความบางเพียง 6.1 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนักอยู่ที่เพียง 437 กรัมเท่านั้น ซึ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกับ iPad รุ่นแรก จะพบว่า ถ้าเรานำ iPad Air 2 ซ้อนกันสองเครื่อง ยังบางกว่า iPad รุ่นแรกเครื่องเดียวเสียอีก
iPad Air 2 กับหน้าจอที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับหน้าจอของ iPad Air 2 นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล (264ppi) บนหน้าจอขนาด 9.4 นิ้ว โดยในรุ่นนี้ ถูกพัฒนาให้หน้าจอภาพมีความคมชัด และ ลดแสงสะท้อนจากหน้าจอลงจากเดิมถึง 56% เลยทีเดียว ช่วยให้คุณสามารถเล่นในกลางแจ้งได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว
iPad Air 2 กับสเปคที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
สำหรับ iPad Air 2 นั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A8X สถาปัตยกรรมแบบ 64bit ซึ่ง ชิปประมวลผลนั้น มีความเร็วมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 40% นอกจากนี้ ชิปประมวลผลนั้นยังถูกปรับปรุงให้ใช้พลังงานน้อยลง คุณ๗ึงสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างยาวนาน สูงสุดถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
iPad Air 2 กับ กล้อง iSight ที่ถูกปรับปรุงใหม่
สำหรับชิปประมวลผล ตระกูล Apple A8 นั้นได้มีการปรับปรุงในส่วนให้สามารถประมวลผลภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงเท่านี้ กล้อง iSight บน iPad Air 2 นั้นยังสามารถรองรับระบบการถ่ายภาพ ที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในโหมด Slow-Mo หรือ Brust Mode เป็นต้น
และไม่ใช่เพียงแค่กล้องหลังเท่านั้น กล้องดิจิตอลด้านหน้า (กล้อง Facetime HD) ยังถูกปรับปรุงให้มีความคมชัดมากขึ้น และ สว่างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมถึง 81% อีกด้วย และยังรวมไปถึง ไมโครโฟนคู่ ที่จะช่วยทำให้การสนทนาผ่าน Facetime และ แอปพลิเคชันประเภท Video Call ต่างๆ มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
iPad Air 2 กับ Touch ID
สิ่งที่หลายๆ คนกำลังรอคอย อย่าง Touch ID หรือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ นั้น ได้ถูกนำมาใช้งานบน iPad Air 2 เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่า คุณจะสามารถปลดล็อค หน้าจอได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น รวมถึงใช้งานด้านความปลอดภัยต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และ มั่นใจได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
iPad Air 2 จะมาพร้อมกับ iOS 8
และ แน่นอนว่า iPad Air 2 นั้น ก็จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 8 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามามากมาย และในปัจจุบันนั้น ระบบปฏิบัติการ iOS 8 มีแอปพลิเคชัน ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานบน iPad โดยเฉพาะ กว่า 800,000 แอปพลิเคชันแล้ว
iPad Air 2 จะมาพร้อมกับ สีใหม่ Gold
สำหรับ iPad Air รุ่นก่อนหน้าจะมีให้เลือกเพียงสีเงิน (Silver) และ สีเทาดำ (Space Gray) เท่านั้น แต่สำหรับ iPad Air 2 นั้นจะมีตัวเลือกเพิ่มเติม นั่นก็คือสีทอง (Gold) นั้นเอง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าจะถูกใจใครหลายๆ คน
สรุปข้อมูล iPad Air 2 ราคา และ วันวางจำหน่าย
เรียกได้ว่า iPad Air 2 นั้นมาพร้่อมกับดีไซน์ และ ประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นชิป Apple A8X ไปจนถึง Touch ID ที่มีให้ได้ใช้งานกันแล้ว โดยสำหรับราคาของ iPad Air 2 ในประเทศไทย นั้นยังคงไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในตอนนี้ แต่ราคาในสหรัฐฯ นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้า โดย iPad Air 2 จะเริ่มต้นที่ $499 หรือประมาณ 15,900 บาท สำหรับรุ่น 16GB $599 หรือประมาณ 18,900 บาท สำหรับรุ่น 64GB และ $699 หรือประมาณ 21,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB WiFi ส่วนในรุ่น Cellular นั้นก็จะเริ่มต้นที่ $629 หรือประมาณ 20,400 บาท สำหรับ 16GB ตามมาด้วยราคา $729 หรือปะมาณ 23,400 บาท สำหรับ 64GB และ $829 หรือประมาณ 26,400 บาท สำหรับรุ่น 128GB ซึ่งคาดว่า ราคาในประเทศไทยนั้น จะไม่ต่างจากราคาโดยประมาณ ที่ทีมงานได้คำนวณไว้มากนัก ส่วนในเรื่องวันวางจำหน่ายนั้นสำหรับในสหรัฐฯ จะเริ่มเปิดให้พรีออเดอร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนไทยนั้นก็คาดว่าจะเริ่มสั่งซื้อได้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ครับ
No comments:
Post a Comment