วันนี้ ขอพูดถึงช็อกโกแลตที่หลายๆ คนชื่นชอบ
ช็อกโกแลต คือ ผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน (Tropical Cacao Tree) โดยเป็นส่วนผสมระหว่างเมล็ดโกโก้ กับเนยโกโก้หรือไขมันของเมล็ดโกโก้ ช็อกโกแลตมีหลากหลายรูปแบบและรสชาติ เช่น ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือช็อกโกแลตฝาด เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ช็อกโกแลตดำคือ ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนม ช็อกโกแลตนมคือ ช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้น ช็อกโกแลตหวานคือ ช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อยร้อยละ 15
อุปกรณ์
1. ช็อกโกแลตบาร์ขนาด 100 กรัม 4 แท่ง (Home Chocolate Kits)
2. แม่พิมพ์ช็อกโกแลต 1 อัน (Home Chocolate Kits)
3. มีดขนาดกลาง 1 อัน
4. ชามขนาดกลาง 1 ใบ และขนาดเล็ก 1 ใบ
5. เขียงสะอาด 1 อัน
6. ช้อนสำหรับคน 1 อัน
7. เตาไมโครเวฟ
ขั้นตอนการทำ
1. นำช็อกโกแลตบาร์ 1 แท่ง หั่นอย่างละเอียดโดยเริ่มจากมุม และนำช็อกโกแลตที่ได้ใส่ชามขนาดเล็กพักเก็บไว้ในตู้เย็น ( Seed Chocolate)
2. นำช็อกโกแลตบาร์ ที่เหลือ 3 แท่งหั่นละเอียดพอประมาณโดยเริ่มจากมุม นำช็อกโกแลตที่ได้ใส่ชามขนาดกลาง
3. นำช็อกโกแลตชามขนาดกลางเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลาง ตั้งเวลา 45 วินาที แล้วนำช็อกโกแลตออกมาคน
4. หลังจากช็อกโกแลตคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้ว นำไปเข้าไมโครเวฟอีกครั้งโดยใช้ไฟปานกลาง ตั้งเวลา 45 วินาทีเหมือนเดิม
5. นำช็อกโกแลตออกมาคนให้ละลายจนหมด
6. พักช็อกโกแลตทิ้งไว้ 30 นาทีในอุณหภูมิห้องปกติ (ห้ามทิ้งไว้ในห้องแอร์)
7. นำช็อกโกแลตในชามขนาดเล็กที่พักไว้ในตู้เย็นออกมาค่อยๆเทใส่สลับกับคนช็อกโกแลตจนละลายหมดเป็นเนื้อเดียวกัน
8. ทำการทดสอบช็อกโกแลตที่ได้นั้นว่า สามารถนำไปเทลงแม่พิมพ์ได้หรือไม่ โดยการตักช็อกโกแลต 1 ช้อนลงบนแผ่นทดสอบที่เราเตรียมไว้ให้ (ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ห้ามลัดขั้นตอนโดยเด็ดขาด)
9. นำช็อกโกแลตสำหรับทดสอบไปแช่ตู้เย็น (ห้ามแช่ช่องทำน้ำแข็ง) ประมาณ 10 นาที
10. นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นออกมาดูว่าใช้ได้หรือไม่ ช็อกโกแลตที่ได้นั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้
- จะต้องเป็นเนื้อสีเดียวกันไม่มีจุดหรือเป็นลาย
- เมื่อใช้นิ้วแตะเบาๆ ช็อกโกแลตจะต้องไม่ติดนิ้ว
- เมื่อลอกช็อกโกแลตออกจากแผ่นทดสอบจะต้องลอกออกได้ง่าย และไม่มีคราบช็อกโกแลตติดอยู่บนแผ่นทดสอบ
11. หากช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นไม่มีลักษณะดังกล่าวครบทุกข้อ ให้นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นใส่กลับลงไปในถ้วยช็อกโกแลตเหมือนเดิม
12. คนช็อกโกแลตให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปทดสอบอีกครั้ง จนกว่าจะได้ช็อกโกแลตตามลักษณะที่ต้องการ (เพื่อทำให้ช็อกโกแลตที่ได้นั้นสวยงามอาจจะต้องทำการทดสอบอย่างนี้อยู่หลายครั้ง)
9. นำช็อกโกแลตสำหรับทดสอบไปแช่ตู้เย็น (ห้ามแช่ช่องทำน้ำแข็ง) ประมาณ 10 นาที
10. นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นออกมาดูว่าใช้ได้หรือไม่ ช็อกโกแลตที่ได้นั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้
- จะต้องเป็นเนื้อสีเดียวกันไม่มีจุดหรือเป็นลาย
- เมื่อใช้นิ้วแตะเบาๆ ช็อกโกแลตจะต้องไม่ติดนิ้ว
- เมื่อลอกช็อกโกแลตออกจากแผ่นทดสอบจะต้องลอกออกได้ง่าย และไม่มีคราบช็อกโกแลตติดอยู่บนแผ่นทดสอบ
11. หากช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นไม่มีลักษณะดังกล่าวครบทุกข้อ ให้นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นใส่กลับลงไปในถ้วยช็อกโกแลตเหมือนเดิม
12. คนช็อกโกแลตให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปทดสอบอีกครั้ง จนกว่าจะได้ช็อกโกแลตตามลักษณะที่ต้องการ (เพื่อทำให้ช็อกโกแลตที่ได้นั้นสวยงามอาจจะต้องทำการทดสอบอย่างนี้อยู่หลายครั้ง)
13. เมื่อผ่านขั้นตอนการทดสอบแล้ว ให้ใช้ช้อนตักช็อกโกแลตลงบนแม่พิมพ์ประมาณครึ่งหนึ่งของแต่ละหลุม
14. เคาะที่ก้นแม่พิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศออกจากช็อกโกแลต แล้วค่อยเติมช็อกโกแลตแต่ละหลุมให้เต็ม
15. นำช็อกโกแลตไปแช่ตู้เย็นประมาณ 10 นาที สังเกตุดูที่ก้นของแม่พิมพ์ว่าช็อกโกแลตร่อนออกจากแม่พิมพ์แล้วหรือยัง เมื่อได้แล้วนำไปเคาะออกจากแม่พิมพ์ (จะต้องไปเคาะให้ห้องแอร์หรือในตู้เย็นเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะมีไอน้ำมาเกาะที่ช็อกโกแลตทำให้ช็อกโกแลตไม่สวย)
16. นำช็อกโกแลตส่วนที่เหลือเทลงแม่พิมพ์ อีกครั้งจนกว่าจะหมด (ทำตามขั้นตอนที่ 15 ซึ่งจะได้ประมาณ 26-28 ชิ้น)
หมายเหตุ
ช็อกโกแลตที่ค้างอยู่ในชามห้ามทิ้งไว้ในห้องแอร์อย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้ช็อกโกแลตแข็งจนเทลงแม่พิมพ์ไม่ได้ หากช็อกโกแลตในชามแข็งหนืดจนเกินไปให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าที่ชามแล้วคนจนหายหนืด ห้ามเป่าจนช็อกโกแลตละลายเด็ดขาด หรือให้นำเข้าไมโครเวฟ เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น แล้วนำมาคนจนหายหนืด หลังจากนั้นจึงค่อยเทลงแม่พิมพ์จนช็อกโกแลตหมด ขั้นตอนทั้งหมดนี้สามารถใช้ทำช็อกโกแลตได้ทั้ง Dark Chocolate, Milk Chocolate, White Chocolate
สามารถดูข้อมูลประกอบเพิ่มเติมได้ที่ http://www.7zhop.com/th/kitchen-dining/371-bear-chocolate-mold.html
No comments:
Post a Comment