Friday, October 31, 2014

หนาวนี้..ไปกางเต็นท์กันเถอะ

การนอนเต็นท์นั้นสามารถช่วยให้เราสัมผัสได้กับความเป็น แคมปิ้ง อย่างได้อารมณ์มากกว่าการพักนอนแบบอื่น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เต็นท์นอน นั้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้หลงใหลการเดินป่าจะต้องมีติดตัวไว้อย่างขาดไม่ได้ ซึ่งเจ้าเต็นท์นอนเหล่านี้ก็มีหลากหลายชนิดแตกต่างกันไป จนบางครั้งผู้ใช้งานก็อาจเกิดความสับสนได้ว่า เต็นท์แบบใดหรือชนิดไหนเหมาะกับตนเองหรือกิจกรรมที่ต้องทำ วันนี้เราจึงมีวิธีการเลือกซื้อเต็นท์ที่ถูกวิธีมาฝากกันครับ




5 วิธีการเลือกซื้อเต็นท์นอน เตรียมของให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

1. เลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ที่ทำ ซึ่งแตกต่างกันออกไป เช่น กิจกรรมแคมปิ้ง เต็นท์ที่ควรเลือกซื้อ ควรเป็นเต็นท์แบบวัสดุดี แม้จะมีน้ำหนักมาก แต่สามารถบรรทุกไปในรถหรือพาหนะอื่นๆ ได้ ต่างกับกิจกรรมประเภทแบ็คแพ็ค หรือการเดินทางประเภทปั่นจักรยานทางไกล ที่มักจะต้องแบกเต็นท์นอนติดหลังไปด้วยตลอดเวลา ซึ่งเต็นท์ที่เลือกควรเป็นเต็นท์ที่มีน้ำหนักเบา

2. เลือกเต็นท์ให้เหมาะสมกับจำนวนคน เช่น หากนอนกัน 3 คน ก็ควรเลือกเต็นท์ที่มีพื้นที่ขนาด 4 คน ขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อที่ว่า พื้นที่ว่างที่เกินมานั้น จะเผื่อไว้สำหรับการเก็บสัมภาระต่างๆ และจะได้ไม่ต้องนอนเบียดกันนั่นเอง



3. เลือกเต็นท์ที่เหมาะสมกับฤดู ซึ่งวัสดุที่เหมาะสมสำหรับพักแรมในฤดูต่างๆ ย่อมไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ฤดูฝนให้เลือกเต็นท์ที่มีเนื้อผ้าเคลือบน้ำยากันน้ำได้ หรือมีผ้าฟลายชีทติดมาในชุด เพราะผ้าชนิดนี้จะสามารถกันน้ำฝนในยามที่คุณนอนหลับพักผ่อนได้ เต็นท์สำหรับฤดูร้อน ควรเป็นผ้าเนื้อบาง สามารถระบายลมได้ดี และเต็นท์สำหรับหน้าหนาว ควรเป็นเต็นท์ที่มีผ้าเนื้อหนากันลมหนาวที่โกรกยามกลางคืนได้ เป็นต้น

4. เลือกซื้อตามคุณภาพของวัสดุ ซึ่งก็มีหลากหลายแตกต่างกันออกไป แนะนำว่าการเลือกซื้อไม่ควรเลือกเพราะราคาที่ถูก ซึ่งมักจะได้วัสดุที่ไม่ดี ควรเลือกเต็นท์ที่ทำจากวัสดุคงทน หรือเต็นท์ที่มียี่ห้ออันเชื่อถือได้ ซึ่งราคาก็ย่อมแพงกว่าเป็นธรรมดา แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ ส่วนข้อมูลของเต็นท์แต่ละชนิดนั้น ควรสอบถามกับพนักงานขายโดยตรงจะได้รายละเอียดที่ถูกต้องที่สุดครับ



5. ควรเลือกซื้อเต็นท์ที่มีอุปกรณ์ต่างๆ แถมมาให้ในชุดอย่างครบถ้วน เช่น สมอบก ฟลายชีท ฯลฯ ทั้งนี้เพราะบางยี่ห้อ(ที่ไม่ค่อยดีนัก) มักจะมีอุปกรณ์เหล่านี้มาให้ไม่ครบนั่นเอง ดังนั้นผู้ซื้อควรตรวจสอบดูให้แน่ชัดก่อนเลือกซื้อครับ



จะเห็นได้ว่าการเลือกซื้อเต็นท์นั้น ก็แตกต่างกันไปตามแต่กิจกรรม หรือสถานที่ที่ใช้งาน แต่ก็ต้องรู้จักใช้อย่างถูกวิธีกันด้วยนะครับ เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้เต็นท์ของคุณนั่นเอง ขอให้เที่ยวกันอย่างมีความสุขนะครับ


Thursday, October 30, 2014

อาหารเสริม ทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ

ในปัจจุบันนี้อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่ทำงานทั่วไปจนถึงกลุ่มคนที่ทำงานหนัก เวลาพักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาที่จะรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ได้ หรือไม่ก็อาหารที่รับประทานในชีวิตประจำวันไม่เพียงพอต่อความต้องการ อาหารเสริมบางชนิดพอรับประทานเข้าไปแล้วก็เกิดประโยชน์ให้เราเห็นหรือเกิดประโยชน์แต่เราไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำงานหนักๆมักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของอาหารเสริม แต่คนที่ทำงานมากๆส่วนใหญ่ที่เคยได้ยินมาล้วนแต่เป็นคนที่รับประทานอาหารเสริมทั้งนั้น



อาหารเสริมนั้นมีหลายรูปแบบนอกจากอาหารเสริมเพื่อสุขภาพดังที่กล่าวไปแล้ว ปัจจุบันยังมีอาหารเสริมประเภทให้ความงามเช่นอาหารเสริมผิวขาว อาหารเสริมลดน้ำหนัก และอาหารเสริมบำรุงสมองสำหรับคนที่ต้องใช้ความคิดในการทำงานมากๆ หรือเผชิญกับความเครียดมากๆ บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอาหารเสริมแต่ละชนิดกัน

1.1 อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ อาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้มีการผลิตขึ้นมาแพร่หลายเป็นเวลานานมากแล้ว และเป็นที่นิยมในกลุ่มคนทั่วไป โดยการรับประทานอาหารเสริมชนิดนี้มักจะหวังผลเพื่อให้ร่างกายของเรามีประสิทธิภาพดีขึ้น ทนต่อภาวะความเครียด ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการทำงานได้ อาหาเสริมเหล่านี้มักจะประกอบไปด้วยวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆของร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ สารสกัดต่างที่โฆษณาว่าช่วยในเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น บำรุงสมองในกลุ่มคนที่เรียนหนัก ใช้ความคิดมาก เผชิญกับความเครียดเป็นประจำ คนที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ที่ต้องการอาหารเสริมเพื่อบรรเทาโรคของตน ทั้งนี้การเลือกอาหารเสริมควรคำนึงถึงประสิทธิภาพที่แท้จริง ความปลอดภัยของอาหารเสริมเป็นหลัก



1.2 อาหารเสริมผิวขาว จากการที่เราได้ยินข่าวเรื่องค่านิยมของคนสมัยนี้มักจะนิยมชื่นชอบคนผิวขาว ทำให้คนที่ผิวไม่ขาวใส ต้องการที่จะมีผิวขาวใสเพื่อให้สังคมยอมรับว่าตนเองสวย ผู้ผลิตอาหารเสริมจึงมีการผลิตคิดค้นอาหารเสริมที่ช่วยให้ผิวขาวมากขึ้น ที่เป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น พวกกลูต้าไธโอน แม้ว่าสารนี้จะมีอยู่ตามปกติของร่างกายก็จริงแต่ก็อยู่ในภาวะสมดุล การที่เราไปเพิ่มโดยขาดความระมัดระวังอาจจะทำให้สมดุลในร่างกายเสียได้อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงอีก ทางที่ดีถ้าจะสวยควรสวยอย่างปลอดภัยโดยเลือกอาหารเสริมที่มีคุณภาพมีสถานที่ผลิต มีมาตรฐานความปลอดภัยดีกว่า แม้อาจจะไม่สามารถขาวหมดจดได้เท่าที่ต้องการ แต่ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นสารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ปลอดภัย โดยทางบริษัท เอเชี่ยนไลฟ์ ได้มีการนำกลูต้าไธโอน สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส และสารสกัดจากถั่วเหลืองมารวมกัน เพื่อผิวขาวกระจ่างใส อย่างปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง



1.3 อาหารเสริมลดน้ำหนัก แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 4 ประเภทคือ

กลุ่มที่ช่วยลดการดูดซึมไขมัน กลุ่มที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน กลุ่มที่ช่วยดึงแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงานและกลุ่มอาหารไขมันต่ำ

    กลุ่มอาหารเสริมที่ลดการดูดซึมไขมัน มักมีส่วนประกอบของสารที่ช่วยให้ไขมันที่เรารับประทานทานเข้าไปไม่ถูกดูดซึม โดยจะไปดักจับไขมันและขับถ่ายออกมา ดังนั้นกินอาหารที่มีไขมันสูงเท่าไรก็ขับออกมาหมดก็เลยช่วยลดความอ้วน การรับประทานอาหารเสริมกลุ่มนี้ต้องระวัง ภาวะแร่ธาตุในร่างกายไม่สมดุลเพราะสารอาหารบางอย่างในร่างกายก็ต้องการไขมันมาช่วยดูดซึมนั่นเอง



     กลุ่มอาหารเสริมที่ช่วยนำแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่เพิ่งทานเข้าไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน แทนที่จะเป็นไขมัน อาหารเสริมลดน้ำหนักส่วนนี้ ถือว่าเป็นวิธีการลดความอ้วนที่ปลอดภัยวิธีหนึ่ง ยิ่งออกกำลังกายประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันเป็นพลังงานจะยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว ทำให้ร่างกายมีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น เพราะร่างกายมีพลังงานมาใช้เพียงพอ อาหารเสริมกลุ่มนี้มักผลิตจากสารสกัดจากผลส้มแขก

    กลุ่มอาหารเสริมไขมันต่ำ อาหารเสริมชนิดนี้ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้รับประทานแทนอาหารบางมื้อโดยอ้างว่าอาหารเสริมชนิดนี้ได้คิดสูตรที่มีสารอาหารเพียงพอ ไขมันต่ำเหมาะแก่การลดน้ำหนัก แต่สิ่งที่ควรระวังคือ อาหารเสริมสูตรต่างๆนี้อาจไม่เพียงพอหรือเหมาะสมก็ความต้องการของร่างกายของเราอย่างแท้จริง เกิดผลเสียตามมาและไม่สามารถรับประทานได้นาน

1.4 อาหารเสริมบำรุงสมอง อาหารเสริมชนิดนี้ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปยังนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเรียนหนักใช้สมองมาก เวลาพักผ่อนน้อย ลดอาหารเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียด อาหารพวกนี้ก็จะเป็นพวกน้ำมันปลา ใบแปะก๊วย วิตามินบี และอื่นๆอีกมากมาย ข้อควรระวังในการเลือกซื้อคือควรซื้ออาหารเสริมที่ได้รับพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผลจริง เพราะส่วนใหญ่อาหารเสริมประเภทนี้จะมีราคาสูง



    สรุปได้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเสริมมีขายมากมายตามท้องตลาด ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นอาหารเสริม จึงไม่ควรนำมารับประทานแทนอาหารหลัก ทางที่ดีที่สุดเราควรรับประทานอาหารหลักให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำแล้วทานอาหารเสริมให้เหมาะสมกับตนเอง



หากต้องการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  คลิก





Wednesday, October 29, 2014

ช็อกโกแลต..ใคร ๆ ก็ทำได้


วันนี้ ขอพูดถึงช็อกโกแลตที่หลายๆ คนชื่นชอบ

ช็อกโกแลต คือ ผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน (Tropical Cacao Tree) โดยเป็นส่วนผสมระหว่างเมล็ดโกโก้ กับเนยโกโก้หรือไขมันของเมล็ดโกโก้ ช็อกโกแลตมีหลากหลายรูปแบบและรสชาติ เช่น ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือช็อกโกแลตฝาด เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ช็อกโกแลตดำคือ ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนม ช็อกโกแลตนมคือ ช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้น ช็อกโกแลตหวานคือ ช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อยร้อยละ 15




ว่าแล้ว..มาทำช็อกโกแลตอย่างง่ายๆ กันเถอะ




อุปกรณ์
1. ช็อกโกแลตบาร์ขนาด 100 กรัม 4 แท่ง (Home Chocolate Kits)
2. แม่พิมพ์ช็อกโกแลต 1 อัน (Home Chocolate Kits)
3. มีดขนาดกลาง 1 อัน
4. ชามขนาดกลาง 1 ใบ และขนาดเล็ก 1 ใบ
5. เขียงสะอาด 1 อัน
6. ช้อนสำหรับคน 1 อัน
7. เตาไมโครเวฟ

ขั้นตอนการทำ
1. นำช็อกโกแลตบาร์ 1 แท่ง หั่นอย่างละเอียดโดยเริ่มจากมุม และนำช็อกโกแลตที่ได้ใส่ชามขนาดเล็กพักเก็บไว้ในตู้เย็น ( Seed Chocolate)
2. นำช็อกโกแลตบาร์ ที่เหลือ 3 แท่งหั่นละเอียดพอประมาณโดยเริ่มจากมุม นำช็อกโกแลตที่ได้ใส่ชามขนาดกลาง



3. นำช็อกโกแลตชามขนาดกลางเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลาง ตั้งเวลา 45 วินาที แล้วนำช็อกโกแลตออกมาคน



4. หลังจากช็อกโกแลตคลุกเคล้าเข้ากันดีแล้ว นำไปเข้าไมโครเวฟอีกครั้งโดยใช้ไฟปานกลาง ตั้งเวลา 45 วินาทีเหมือนเดิม

5. นำช็อกโกแลตออกมาคนให้ละลายจนหมด

6. พักช็อกโกแลตทิ้งไว้ 30 นาทีในอุณหภูมิห้องปกติ (ห้ามทิ้งไว้ในห้องแอร์)

7. นำช็อกโกแลตในชามขนาดเล็กที่พักไว้ในตู้เย็นออกมาค่อยๆเทใส่สลับกับคนช็อกโกแลตจนละลายหมดเป็นเนื้อเดียวกัน


8. ทำการทดสอบช็อกโกแลตที่ได้นั้นว่า สามารถนำไปเทลงแม่พิมพ์ได้หรือไม่ โดยการตักช็อกโกแลต 1 ช้อนลงบนแผ่นทดสอบที่เราเตรียมไว้ให้ (ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ห้ามลัดขั้นตอนโดยเด็ดขาด)

9. นำช็อกโกแลตสำหรับทดสอบไปแช่ตู้เย็น (ห้ามแช่ช่องทำน้ำแข็ง) ประมาณ 10 นาที

10. นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นออกมาดูว่าใช้ได้หรือไม่ ช็อกโกแลตที่ได้นั้นจะต้องมีลักษณะดังนี้
- จะต้องเป็นเนื้อสีเดียวกันไม่มีจุดหรือเป็นลาย
- เมื่อใช้นิ้วแตะเบาๆ ช็อกโกแลตจะต้องไม่ติดนิ้ว
- เมื่อลอกช็อกโกแลตออกจากแผ่นทดสอบจะต้องลอกออกได้ง่าย และไม่มีคราบช็อกโกแลตติดอยู่บนแผ่นทดสอบ

11. หากช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นไม่มีลักษณะดังกล่าวครบทุกข้อ ให้นำช็อกโกแลตที่ทดสอบนั้นใส่กลับลงไปในถ้วยช็อกโกแลตเหมือนเดิม

12. คนช็อกโกแลตให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปทดสอบอีกครั้ง จนกว่าจะได้ช็อกโกแลตตามลักษณะที่ต้องการ (เพื่อทำให้ช็อกโกแลตที่ได้นั้นสวยงามอาจจะต้องทำการทดสอบอย่างนี้อยู่หลายครั้ง)



13. เมื่อผ่านขั้นตอนการทดสอบแล้ว ให้ใช้ช้อนตักช็อกโกแลตลงบนแม่พิมพ์ประมาณครึ่งหนึ่งของแต่ละหลุม

14. เคาะที่ก้นแม่พิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศออกจากช็อกโกแลต แล้วค่อยเติมช็อกโกแลตแต่ละหลุมให้เต็ม




15. นำช็อกโกแลตไปแช่ตู้เย็นประมาณ 10 นาที สังเกตุดูที่ก้นของแม่พิมพ์ว่าช็อกโกแลตร่อนออกจากแม่พิมพ์แล้วหรือยัง เมื่อได้แล้วนำไปเคาะออกจากแม่พิมพ์ (จะต้องไปเคาะให้ห้องแอร์หรือในตู้เย็นเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะมีไอน้ำมาเกาะที่ช็อกโกแลตทำให้ช็อกโกแลตไม่สวย)

16. นำช็อกโกแลตส่วนที่เหลือเทลงแม่พิมพ์ อีกครั้งจนกว่าจะหมด (ทำตามขั้นตอนที่ 15 ซึ่งจะได้ประมาณ 26-28 ชิ้น)


หมายเหตุ 
ช็อกโกแลตที่ค้างอยู่ในชามห้ามทิ้งไว้ในห้องแอร์อย่างเด็ดขาดเพราะจะทำให้ช็อกโกแลตแข็งจนเทลงแม่พิมพ์ไม่ได้ หากช็อกโกแลตในชามแข็งหนืดจนเกินไปให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าที่ชามแล้วคนจนหายหนืด ห้ามเป่าจนช็อกโกแลตละลายเด็ดขาด หรือให้นำเข้าไมโครเวฟ เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น แล้วนำมาคนจนหายหนืด หลังจากนั้นจึงค่อยเทลงแม่พิมพ์จนช็อกโกแลตหมด ขั้นตอนทั้งหมดนี้สามารถใช้ทำช็อกโกแลตได้ทั้ง Dark Chocolate, Milk Chocolate, White Chocolate


สามารถดูข้อมูลประกอบเพิ่มเติมได้ที่ http://www.7zhop.com/th/kitchen-dining/371-bear-chocolate-mold.html




ขอขอบคุณ FACEBOOK InfographicMOVE

Monday, October 27, 2014

เทียบราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ทั้ง 3 ค่ายมือถือและ Apple Online Store ในประเทศไทย

วันนีทั้ง 3 ค่ายมือถือในบ้านเราก็ได้เปิดราคา iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ของค่ายตัวเองออกมาเป็นที่เรียบร้อยซึ่งมีทั้งราคาเครื่องเปล่าและเครื่อง พร้อมแพคเกจ ซึ่งจะไม่เท่ากันแต่ก็มีราคาที่ใกล้เคียงกันที เดียวห่างกันไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น ขณะเดียวกันทาง Apple ก็เปิดราคาจำหน่ายทางการผ่าน Online Store ให้จับจองกันอีกด้วยซึ่งมีราคาถูกกว่าทั้ง 3 ค่ายแต่ต้องอาจรอเครื่องประมาณ 1 – 3 สัปดาห์หลังจากสั่งซื้อ ทาง http://www.flashfly.net จึงทำตารางเปรียบราคาออกมาให้ดูแบบง่ายๆดังนี้



ที่มา – www.flashfly.net
http://www.flashfly.net/wp/?p=104796 

Friday, October 24, 2014

ถนอมดวงตาของคุณ ด้วยแว่นกันแดด




แสงแดดถึงจะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์โดยเฉพาะกับดวงตา ซึ่งมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถป้องกันแสงอุลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดดได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ แว่นกันแดด


แว่นกันแดดที่ดีจะต้องเป็นแว่นที่สามารถป้องกันแสงอุลตราไวโอเลตไม่ให้ผ่านเข้ามากระทบดวงตา ซึ่งในแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังพื้นโลก มีทั้งแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และแสงคลื่นสั้นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่เรียกกันว่าแสงอุลตราไวโอเลต หรือที่เรียกันว่าคลื่นแสงยูวีซึ่งมีความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 nm แบ่งได้เป็นแสงยูวีเอ แสงยูวีบี และ แสงยูวีซี แต่มีเพียงแสงยูวีเอและแสงยูวีบีเท่านั้นที่สามารถผ่านมายังผิวโลก ซึ่งมีอันตรายต่อมนุษย์มาก เช่น ทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ต้อเนื้อ ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ฯลฯ
แว่นกันแดดที่ได้มาตรฐานจึงต้องสามารถป้องกันรังสียูวีเอได้อย่างน้อยร้อยละ 80 หรือยอมให้แสงยูวีผ่านเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือในการตรวจวัด

โดยปกติแว่นกันแดดทั่วไปสามารถป้องกันรังสียูวีได้เล็กน้อย เช่น เลนส์พลาสติกซึ่งป้องกันแสงยูวีได้ดีกว่าเลนส์แก้ว เลนส์ที่ระบุว่าสามารถป้องกันยูวีได้ น่าจะป้องกันแสงยูวีได้ดีกว่าเลนส์ที่ไม่การระบุไว้
แว่นกันแดดที่เป็น Polarized Lens เป็นเลนส์ที่ตัดแสงจ้าได้ดี ทำให้ผู้ใช้สบายตา แต่ก็สามารถกรองแสงยูวีได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น



แล้วจะเลือกซื้อแว่นกันแดดอย่างไร?

การเลือกซื้อแว่นกันแดด จึงควรดูที่ฉลาก CE ที่กำกับแว่นว่าสามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้หรือไม่ เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตทั้งสองชนิดนี้ต่างก็ทำลายนัยน์ตา UVB นั้นจะดูดซึมที่แก้วตา แต่ถ้ารับแสงจ้านานเกินควร อาจจะทะลุไปที่จอรับภาพได้ ส่วน UVA จะดูดซึมเข้าไปได้ลึกกว่า ดังนั้นการเลือกแว่นกันแดดคุณภาพดี จึงเปรียบเสมือนทาครีมกันแดดชั้นดี ให้แก่ดวงตา

รูปทรงของแว่น
แว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่ทรงโค้งมน จะปกปิดดวงตาได้ดีทีเดียว แว่นกันแดดที่มีขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวแต่ไม่โค้งมนจะทำให้ดวงตาสัมผัสต่อแสงมากเป็น 3 เท่าของแว่นทรงโค้งมนเลยทีเดียว นอกจากนี้แว่นกันแดดทรงโค้งมนจะไม่ตกหล่นง่ายเวลาใส่อีกด้วย




สีของเลนส์
แว่นกันแดดสำหรับกีฬาส่วนใหญ่จะป้องกันรังส CVB ได้ 99 % และป้องกันรังสี UVAได้ 60 % แต่ก็อย่าเพิ่งแน่ใจ ควรจะตรวจสอบจากฉลากอีกทีหนึ่ง สำหรับสีของเลนส์นั้น สีเลนส์ที่ดีและเหมาะที่จะใช้คือสีเทา-ดำ และเขียว-ดำ หากอยู่บริเวณชายหาด สีเลนส์ที่เหมาะจะใช้คือสีชา-น้ำตาล หรือเทา ส่วนเลนส์สีเหลืองไม่เหมาะจะใส่เวลาขับรถ เพราะมันจะทำให้เห็นสีไฟจราจรไม่ชัดเจนระหว่างไฟแดง และไฟเขียวได้

ความพอดีของเลนส์กับขอบแว่น
เมื่อเลือกแบบแว่นกันแดดได้แล้ว ก็ควรจะดูว่าขอบของเลนส์ฟิตพอดีกับแว่นหรือไม่ โดยการลองใส่แล้วเดินไป-มาขึ้น-ลงบันได ให้แน่ใจว่ามันจะไม่เลื่อนหลุดออกมาจากตัวแว่นจริง ๆ หรือจะใช้วิธีจับแว่นตาไว้ แล้วดูในแนวตั้งและแนวนอนว่าขอบเลนส์ออกมานอกกรอบแว่นหรือไม่


ในการเลือกแว่นกันแดดครั้งต่อไป อย่าลืมนำเคล็ดลับเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อ 










Thursday, October 23, 2014

กระเป๋า แฟชั่นที่ทุกคนจำเป็นต้องมี


กระเป๋า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะไปไหน ๆ จะต้องขนสัมภาระ ของใช้ประจำตัว พกพาติดตัว ไปด้วยเสมอ ดังนั้น เราจะมีวิธีเลือกซื้อ กระเป๋าถือกันอย่างไร ที่ถูกใจ ถูกกาละเทศะ


- ก่อนจะตกลงซื้อ ลองตรวจดูก่อนว่า กระเป๋าใบนั้น สามารถใส่สัมภาระทั้งหมดของเรา ได้หรือไม่

- เมื่อใส่ของครบแล้ว ลองหิ้ว หรือสะพายดูสักหน่อย ว่าน้ำหนักของสัมภาระบวกกับน้ำหนักของกระเป๋า เราจะสามารถทนแบกไหว หรือไม่

- จากนั้น ลองล้วงลงไปในกระเป๋า ว่าจะสามารถหยิบของได้สะดวก หรือว่าจะหาทีต้องเทออกมาดูทั้งกระเป๋าจึงจะเจอ เพราะกระเป๋าบางยี่ห้อ มีที่เก็บของได้มากมาย ดูแล้วไม่เสียทรง แต่เวลาหาของที หาไม่ค่อยจะเจอ

- ลองดูซิว่า เวลาที่เราใส่สัมภาระ เต็มที่แล้ว รูปทรงของกระเป๋า ยังคงรูปเดิมอยู่หรือไม่ ไม่ใช่ ว่าเขาดีไซน์ให้ออกมาเป็นทรงสี่เหลี่ยม แต่พอใส่ของครบเซ็ทแล้ว กลายเป็นทรงกลม

- อย่าลืมเช็คดูให้แน่ใจว่า กระเป๋ามีช่องลับให้เก็บของสำคัญได้อย่าง ปลอดภัยหรือไม่

- จะซื้อทั้งทีต้องขอคุ้มหน่อย ลองคิดเผื่อดูว่า นอกจากจะใส่สัมภาระประจำแล้ว ยังพอจะมีเนื้อที่ไว้ให้ใส่สัมภาระอื่นๆ หรือไม่




- ลองชั่งใจสักนิดว่า จะเลือกแบบไหน อย่าเน้นแต่การใส่ของได้เยอะ ให้นึกถึงความปลอดภัยด้วย

- ตอนซื้ออย่าลืมส่องกระจก ดูว่า เราสะพายแล้ว เหมาะสมกับรูปร่าง บุคคลิก ของเราหรือไม่

- หากกระเป๋าที่เลือกเป็นชนิดสะพาย ควรเช็คสายกระเป๋าให้ดีก่อนว่า สะพายแล้วไม่เจ็บ หรือเสียดสีกับหัวไหล่

- อย่าคุ้มค่ามาก ใส่สัมภาระจนหนัก ระวังไหล่จะทรุด

- หากนิยมพกของไปเยอะๆ ควรเลือกกระเป๋าชนิดที่สะพายพาดตัวได้ หรือเป็นเป้สะพายหลังไปเลย

- อย่าเลือกกระเป๋าที่น้ำหนักเบาเท่านั้น ส่วนมากกระเป๋าที่น้ำหนักเบา จะทำจากไนลอน หรือผ้าร่ม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกระเป๋า ฝากบอกมาว่า การจะทำความสะอาดให้ดูดี เหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ นั้นยากมาก








Wednesday, October 22, 2014

น้ำหอม .. สิ่งจำเป็นในการเสริมสร้างบุคลิกภาพของคุณ


น้ำหอม กลายเป็นองค์ประกอบหลักในการแต่งตัวและช่วยสร้างบุคลิกให้กับเราได้ไม่มากก็ น้อย เสน่ห์ของหลายๆ คนไม่เพียงแต่จะอยู่ที่บุคลิกและความเฉพาะตัวของคนคนนั้นแล้ว ความหอมของกลิ่นกายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำความรู้จักกับน้ำหอมในแบบที่แตกต่างกันนั้น ก็มีผลกับการใช้น้ำหอมเพื่อให้เกิดความหอมต่อร่างกายของเรา ไม่เพียงแต่เคล็ดลับในการเลือก น้ำหอมจะนับเป็นส่วนสำคัญ การรู้จักใช้น้ำหอมให้ถูกวิธี ดูจะยิ่งช่วยให้กลิ่นหอมของน้ำหอมที่เราเลือกใช้นั้นติดอยู่ได้ทนนานอย่างที่ควรจะเป็น


การเลือกใช้น้ำหอมอย่างเหมาะสม เราควรเลือกกลิ่นหอมที่เข้ากับบุคลิกของตัวเองนับว่าดีที่สุด และนอกจากนั้น การที่เลือกลักษณะของกลิ่นหอมยังจำเป็นที่จะต้องรู้จักประเภทของน้ำหอมที่ แบ่งตามความเข้มข้นของน้ำหอมด้วย น้ำหอมนั้นมีส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำมันหอมที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยแอลกอฮอล์ ( แอลกอฮอล์ทำหน้าที่ช่วยกระจายความหอมไปในการระเหยนั่นเอง ) ในระดับความเข้มข้นของความหอมที่แตกต่างกันไป น้ำหอมจึงถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยระดับความเข้มข้นของกลิ่นหอมได้ออกเป็นดังนี้

1. โคโลญจน์ หรือ Eau de Cologne เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 3-5%
2. ทอยเล็ตต์ หรือ Eau de Toilette เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 4-8%
3. เพอร์ฟูม หรือ Eau de Parfum เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมในปริมาณ 15-18% ซึ่งจะมีกลิ่นติดทนนานที่สุด



เคล็ดลับในการเลือกซื้อน้ำหอม อยู่ที่การทดลองกลิ่นหอมของน้ำหอมแต่ละกลิ่น อย่า ลืมว่าการเลือกน้ำหอมที่ดีที่สุดอยู่ที่กลิ่นที่เข้ากับบุคลิกของผู้ใส่ และเนื่องจากกลิ่นหอมมีโอกาสเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบรอบๆ ตัวหลายอย่างด้วยกัน ก่อนไปเลือกซื้อน้ำหอม ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด หรือออกกำลังกายที่ทำให้เหนื่อยมากจนเกินไป ซึ่งการกระทำเหล่านั้นจะส่งผลต่อการรับรู้กลิ่น และทำให้การรับรู้กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมนั้นผิดเพี้ยนไป

และนอกจากนี้ เรายังไม่ควรไปเลือกซื้อน้ำหอมในเวลาที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการเจ็บป่วยไม่สบาย หรือ เพิ่งจะสูบบุหรี่มา เพราะการกระทำเช่นนี้อาจจะมีผลต่อการรับรู้กลิ่นน้ำหอม ทำให้กลิ่นน้ำหอมที่เราสัมผัสมีโอกาสผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าบริเวณที่เหมาะสำหรับทดลองน้ำหอม คือบริเวณข้อมือซึ่งไม่เพียงแต่จะสะดวกแล้ว ยังนับเป็นจุดชีพจรที่ทำให้เราได้กลิ่นหอมของน้ำหอมอย่างแท้จริงอีกด้วย บริเวณจุดชีพจรเต้นนั้นเป็นบริเวณของร่างกายที่ มีอุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยให้กลิ่นหอมของน้ำหอมระเหย อธิบายได้ง่ายๆ ว่าทำให้เกิดกลิ่นหอมได้ดีนั่นเอง อีกอย่างที่ควรทำคือทดลองน้ำหอมต่างกลิ่นกันคนละจุดด้วยการใช้ข้อมือคนละ ข้างกัน และไล่บริเวณแขนลงไป และควรทิ้งระยะเวลาเอาไว้สัก 20 นาทีหรือถึง 1 ชั่วโมง แล้วจากนั้นค่อยตัดสินใจเลือกซื้ออีกครั้งหนึ่งจะดีกว่า

ข้อควรระวังในการใช้น้ำหอม น่าจะอยู่ที่เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ รวมทั้งเครื่องประดับทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ เข็มกลัด เข็มขัด เป็นต้น เนื่องจากแอลกอฮอล์และเคมีบางอย่างที่เป็นองค์ประกอบของน้ำหอม ( อย่างเช่น น้ำมัน เป็นต้น ) จะมีผลต่อวัตถุดิบบางชนิด ที่จริงแล้วลักษณะในการใส่น้ำหอมเองยังมีผลต่อวัตถุดิบบางชนิด อาทิ น้ำมันที่มีผลกับผ้าซาติน หรือแม้แต่ผ้าฝ้ายแบบฟอก การฉีดน้ำหอมใกล้กับเสื้อผ้ามากเกินไป ทำให้แอลกอฮอล์ปริมาณเข้มข้น ติดอยู่กับเสื้อผ้ามาก




ดังนั้น การฉีดน้ำหอมควรทำห่างจากตัวอย่างน้อย 30 เซนติเมตร เพื่อ ไม่ให้น้ำหอมทิ้งจุดด่างหรือรอยเปียกของน้ำมันเอาไว้บนเสื้อผ้า ทางที่ดีที่สุดอย่าฉีดโดยตรงลงบนเสื้อผ้าจะดีกว่า ส่วนเครื่องประดับที่มักจะเกิดปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ที่อยู่ในน้ำหอมนั้น มักจะเป็นโลหะผสมพวกโรเดียมไม่เพียงเท่านั้นเครื่องเพชรพลอย อัญมณีหรือแม้แต่ไข่มุกก็ตามนั้นมีส่วนหมองคล้ำจากการได้รับละอองสเปรย์ที่ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วย

ส่วนที่จะทิ้งรอยตกค้าง อันไม่ปรารถนาเอาไว้ ให้ กับเครื่องแต่งกายของเรา คือสีที่เป็นอีกส่วนผสมที่ประกอบอยู่ในน้ำหอมนั่นเอง ดังนั้น จึงไม่ควรฉีดหรือแต้มน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าแต่แต้มลงบนส่วนของร่างกาย โดยระวังเครื่องประดับต่างๆ ด้วย แน่นอนว่ากลิ่นหอมของน้ำหอม สร้างเสน่ห์ชวนหลงใหลให้กับเราได้ แต่ในทางกลับกันบางครั้งมันก็อาจทำให้เกิดเป็นกลิ่นฉุนได้หากแตะหรือฉีดใน ปริมาณที่มากเกินพอดี



เคล็ดลับในการแต้มน้ำหอมสำหรับทุกสถานการณ์
1. ให้ป้ายหรือฉีดน้ำหอมในบริเวณที่เป็นจุดชีพจร โดยมากจะเป็นบริเวณข้อมือหรือลำคอ และบางครั้งบริเวณข้อพับที่แขนหรือขาพับก็เป็นที่นิยม ในขณะที่การแตะน้ำหอมบริเวณหลังใบหูนั้นความหอมของน้ำหอมจะไม่ติดอยู่ทนนาน เนื่องจากแอลกอฮอล์ระเหยได้รวดเร็วนั่นเอง
2. การถูข้อมือที่แต้มน้ำหอม 2 ข้างเข้าด้วยกัน ไม่ได้ช่วยให้ความหอมนั้นทั่วถึง แต่ที่จริงแล้วจะทำให้น้ำหอมมีกลิ่นหอมอ่อนลง
3. การฉีดสเปรย์น้ำหอมในอากาศแล้วใช้วิธีเดินผ่านนั้น จะช่วยให้กลิ่นหอมกระจายติดตัวเราได้ทั่วดี
4. พยายามอย่าใช้โลชั่นที่มีกลิ่นหอม ก่อนหน้าที่จะใช้น้ำหอมเนื่องจากกลิ่นจะตีกัน
5. ใช้น้ำหอมมากหน่อยหากคุณเป็นคนผิวแห้ง เนื่องจากผิวมันมีน้ำมันช่วยคงกลิ่นให้ติดอยู่ยาวนาน
6. หากใส่น้ำหอมแล้วต้องอยู่ในที่อากาศเย็นให้เลือกน้ำหอมที่มี กลิ่นแรงกว่าปกติ เนื่องจากความเย็นหรืออุณหภูมิต่ำจะลดกลิ่นหอมของน้ำหอมให้ลดน้อยลงกว่าที่ เป็น การฉีดน้ำหอมทันทีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะช่วยทำให้กลิ่นหอมติดทนนานกว่าปกติ






 น้ำหอมผู้หญิง Davidoff Cool Water For Women

 น้ำหอมผู้หญิง Britney Spears Fantasy

น้ำหอม Adidas DEEP ENERGY FOR MEN