Friday, January 30, 2015
Wednesday, January 28, 2015
กินกล้วยวันละ 2 ผล เกิดประโยชน์มหาศาล
ถ้าต้องการให้ระดับพลังงานที่หย่อนยานลงให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วไม่มีอาหารว่างใดดีไปกว่ากล้วย อุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่ากินกล้วยแค่ 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอ กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที
จึงไม่น่าแปลกใจที่กล้วยเป็นผลไม้อันดับหนึ่งของนักกีฬาชั้นนำระดับโลก ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มพลังงานเท่านั้นยังช่วยเอาชนะ และป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดกับร่างกายได้อีกหลายโรค จึงควรรับประทานทุกวัน
1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง
2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกายินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถโฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก
3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการรับประทานกล้วยในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วย สามารถให้นักเรียนมีการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูก โดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย
5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจเร็ว ๆ นี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคน จะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็น serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง
6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา
7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญาเกี่ยวกับอาการเสียดท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้
8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า
9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
10. ระบบระสาท ในกล้วยมีวิตามินบี สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่เกิดในที่ทำงาน จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียค้นพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นเหตุนำไปสู่การกินอย่างจุบจิบ เช่นอาหารพวกช็อคโกแล็ต และอาหารประเภททอดกรอบต่าง ๆ ในนจำนวนคนไข้ 5,000 คน ในโรงพยาบายต่าง ๆ นักวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนมากเกินไป และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูงมาก จากรายงานสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกและนำไปสู่การกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อยยา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วย สารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้
11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมาจะมีอุณหภูมิเย็น
13. ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์และความสับสนได้ เพราะในกล้วยมีสารตามธรรมชาติ try potophan ทำให้อารมณ์ดี
14. การสูบบุหรี่ กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของวิตามินซี เอ บี6 และบี 12 ที่สูงมาก และยังมีโปรแตสเซียมกับแมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็ว อันเป็นผลจากการลดเลิกนิโคตินนั่นเอง
15. ความเครียด โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ การส่งออกซิเจน ไปยังสมอง และปรับระดับน้ำในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเราจะขึ้นสูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียมในร่างกายของเราลดลง แต่โปรแตสเซียมที่มีอยู่สูงมากในกล้วยจะช่วยให้เกิดความสมดุล
16. เส้นเลือดฝอยแตก จากการวิจัยที่ลงในวารสาร
Monday, January 26, 2015
ดื่มน้ำขณะการออกกำลังกาย สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ
การดื่มน้ำขณะการออกกำลังกาย สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ
น้ำถือเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย เป็นองค์ประกอบของเซลล์และช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นตัวช่วยในปฏิกิริยาชีวเคมีและการสันดาปสารอาหารต่าง ๆและช่วยลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ และระบายของเสียออกจากเซลล์นอกจากนี้ยังช่วยช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายขณะที่ำกิจกรรมต่างๆและยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในระบบไหลเวียนเลือดอีกด้วย
ปกติแล้ว ร่างกายจะมีการสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2,300 มิลลิลิตร โดยแบ่งออกเป็นการสูญเสียน้ำทางปัสสาวะ 1,400 มิลลิลิตร ทางอุจจาระ 100 มิลลิลิตร และระเหยออกทางเหงื่อและลมหายใจ 800 มิลลิลิตร โดยประมาณ แต่จะมีน้ำเกิดขึ้นจากกระบวนการสลายไกลโคเจนเพียงวันละ 300 มิลิลิตรเท่านั้น ดังนั้น ร่างกายจึงจำเป็นจะต้องได้รับน้ำ จากภายนอกประมาณวันละ 2,000 มิลลิลิตร หรือประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน จึงจะเกิดความสมดุลของน้ำภายในร่างกาย แต่ในขณะที่ระหว่างการออกกำลังกายจะมีการสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นเนื่องจากการระเหยของเหงื่อเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย แม้ว่าไตจะได้ทำหน้าที่ดูดน้ำกลับแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยได้เพียงพอ พบว่าถ้าออกกำลังกายท่ามกลางอากาศที่ร้อนและอบอ้าว อาจมีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายได้มากถึง 3 ลิตรได้ ดังนั้น ระหว่างการออกกำลังกาย จำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้เซลล์กล้ามเนื้อทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
ผลกระทบของการขาดน้ำและเกลือแร่ ในขณะออกกำลังกาย
- ระบบการไหลเวียนเลือดบกพร่อง เกิดผลกระทบโดยตรงต่อการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนให้แก่เซลล์กล้ามเนื้อ ประสิทธิในการระบายของเสียและความร้อนออกจากเซลล์ลดลง
- ประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อลดลง
- ถ้าเสียน้ำไปประมาณร้อยละ 2 ของน้ำหนักตัว (1-1.4 ลิตร) กล้ามเนื้อจะอ่อนล้าง่าย ไม่สามารถเล่นต่อเนื่องได้ และถ้าเสียน้ำไปมากกว่าร้อยละ 4 ของน้ำหนักตัว (2-2.8ลิตร) สมรรถภาพจะลดลงอย่างชัดเจน
- กล้ามเนื้อเป็นตะคริวง่าย กลไกการเกิดตะคริวยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นผลจากการที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ร่วมกัน
- ความดันเลือดลดลง มึนงง และเป็นลม ขณะแข่งขันได้ง่าย
- ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนออกจากร่างกายลดลง อุณหภูมิร่างกายขึ้นสูงจนเกิดการเจ็บป่วยได้
ก่อนออกกำลังกาย
ควรดื่มน้ำให้ เพียงพอ ประมาณ 400-600 มล. (1-1 ½ ขวดกลาง) ก่อนการออกกำลังกายทุกชนิดล่วงหน้าสัก 1-2 ชั่วโมง และอีก 200-400 มล. (1/2 -1 ขวดกลาง) ก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการจุกเสียดท้องระหว่างการออกกำลังกาย
ขณะ ออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน ร่างกายจะขับเหงื่อเพื่อปรับและรักษาอุณหภูมิไว้ให้สมดุล ดังนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ในกรณีที่ออกกำลังกายน้อยกว่า 60 นาที คุณควรพักดื่มน้ำทุกๆ 15-20 นาที ครั้งละ 200 มล. (1/2 ขวดกลาง) หรือใช้วิธีจิบน้อย เเต่บ่อยๆก็ได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังขาดน้ำ เช่น คอแห้ง น้ำลายเหนียว ก็ควรพักดื่มน้ำสักหน่อยก่อนกลับไปออกกำลังกายต่อ สัก 2-3 อึกก็ยังดี หรือถ้าออกกำลังกายที่มีความหนักและสูญเสียเหงื่อมาก อาจดื่มน้ำเกลือแร่เสริมได้ (กรณีออกมากกว่า 1 ชม.)เพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือด ป้องกันไม่ให้เหนื่อยอ่อนแรงและช็อค ซึ่งจะให้ดีเครื่องดื่มนั้นควรมีอุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส หรือเป็นน้ำในอุณภูมห้อง ก็ได้ เพื่อเพิ่มการดูดซึมเมื่อการออกกำลังกายสิ้นสุด ปริมาณน้ำที่ควรดื่มทดแทน ให้คำนวณดูจากน้ำหนักตัวที่หายไปในระหว่างการแข่งขัน น้ำหนักหายไปเท่าใดให้ดื่มเท่านั้น น้ำหนักที่ลดลงภายหลังออกกำลังกายส่วนใหญ่เป็นน้ำหนักของน้ำที่สูญเสียไปกับเหงื่อ เป็นน้ำหนักของไขมันน้อยมาก
หากเป็นไปได้ควรชั่งน้ำหนักตัวทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อคำนวณหาปริมาณน้ำที่ต้องดื่มทดแทน การชั่งน้ำหนักตัวเป็นระยะ ๆ จะเป็นการประเมินภาวะ การขาดน้ำได้ดีที่สุด
Credit: นายแพทย์ วิรุฬห์ เหล่าภัทรเกษม, นิตยสาร Health Today / lovefitt.com
Friday, January 23, 2015
ชาอู่หลง ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ!?
โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่ขี้เกียจ
ซึ่งความขี้เกียจนี้ก็ถือเป็นแรงผลักดันหนึ่ง
ให้เราคิดค้นเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ นานา
เพื่อให้งานที่ต้องทำบรรลุเป้าหมายโดยใช้แรงกายน้อยที่สุด
การไขว่คว้าหาทางลัดก็เป็นอีกนิสัยพื้นฐานหนึ่งของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นทางลัดที่ช่วยให้ไปถึงที่หมายเร็วขึ้น
ทางลัดที่ช่วยให้รวยเร็วขึ้น ไปจนถึงทางลัดที่ช่วยให้ผอมเร็ว
โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอดให้ยุ่งยาก
กระแสเห่อทางลัดช่วยผอมจึงมาแรงเป็นระยะๆ
แล้วก็จางหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
และคลื่นลูกล่าสุดที่กำลังมาแรงในช่วงนี้คือ กระแสดื่มชาอู่หลงเพื่อลดน้ำหนัก
เรามาดูข้อเท็จจริงกันค่ะว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
แนวคิดว่าชาอู่หลงน่าจะช่วยลดน้ำหนักได้
มาจากงานวิจัยในหลอดทดลองที่พบว่า สารโพลีฟีนอลในชา
หรือที่มีชื่อเรียกยากๆ ว่า Oolong tea polymerized polyphenols (OTPP)
มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อน1 ไลเปสเป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทสำคัญ
ในการย่อยสลายไขมันจากอาหาร ช่วยให้ไขมันถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
เมื่อเอนไซม์ตัวนี้ถูกยับยั้ง การดูดซึมของอาหารประเภทไขมันก็ลดลง
เป็นกลไกเดียวกันกับยาลดความอ้วนบางตัวที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากลดการดูดซึมของไขมันแล้ว ยังมีอีกการศึกษาในหญิงชาวญี่ปุ่นที่พบว่า
การดื่มชาอู่หลงช่วยเพิ่มการเผาผลาญขณะพักในเวลา 120 นาทีหลังดื่มได้ราวร้อยละ 10
เมื่อเทียบกับชาเขียวซึ่งเพิ่มได้เพียงร้อยละ 4.2
และยังมีการศึกษาจากจีนซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเป็นคนอ้วนมากถึง 102 คน
พบว่าเมื่อให้ดื่มชาอู่หลงทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ร้อยละ 22 ของกลุ่มตัวอย่างมีน้ำหนัก
ลดลงเกินกว่า 3 กิโลกรัม และส่วนที่ลดเป็นไขมันบริเวณพุงมากกว่าส่วนอื่นๆ 3
แม้ว่าจะมีงานวิจัยสนับสนุนอยู่หลายชิ้น แต่ถ้าได้ตามไปอ่านงานเหล่านี้โดยละเอียดจะพบว่า
ยังไม่มีการทดลองแบบเปรียบเทียบโดยมีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่
และมีการควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่ดีเพียงพอ
อีกทั้งในการทดลองทั้งหมดจะใช้เป็นชาอู่หลงจริงๆ
ไม่ใช่แบบบรรจุขวดสำเร็จรูปอย่างที่วางขายในท้องตลาดเมืองไทย
สำหรับชาแบบขวดที่ขายในไทย
มีงานวิทยานิพนธ์ที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยศิลปากรพบว่า
ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและ
ปริมาณสารในกลุ่มโพลีฟีนอลในชาเขียวขวดที่วางขายแต่ละยี่ห้อ
มีน้อยกว่าชาเขียวชงสดอย่างมีนัยยะสำคัญ
เสียดายที่ในงานชิ้นนี้ไม่ได้มีการนำตัวอย่างชาอู่หลงบรรจุขวดมาวิเคราะห์ด้วย
จึงยังสรุปแบบฟันธงไม่ได้ว่าสารโพลีฟีนอลตัวสำคัญคือ OTPP ในชาอู่หลงขวดนั้น
จะยังมีประสิทธิภาพคงอยู่ครบถ้วนเพียงใด
สำหรับชาอู่หลงขวดที่วางขายในท้องตลาดเมืองไทยนั้น หากพลิกอ่านฉลากโภชนาการก่อน
ตามหลัก “อ่านก่อนผอมกว่า” จะพบว่า บางยี่ห้อมีการเติมน้ำตาลลงไปมากถึง 28 กรัมต่อหนึ่งขวด
ซึ่งรับประกันได้ว่า ดื่มแล้วหวานชื่นใจแต่พุงกะทิไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน
ดังนั้น หากจะซื้อรับประทาน ควรซื้อแบบใบชาจริงๆ มาต้มหรือชงดื่ม แต่ถ้าจะซื้อเป็นแบบบรรจุขวด
ควรพลิกอ่านฉลากโภชนาการก่อน และซื้อเป็นแบบไม่ใส่น้ำตาล
สรุปแล้ว "ชาอู่หลง" เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่น่าสนใจในการลดน้ำหนัก แต่ไม่ได้ช่วยมากมายนัก
และไม่ใช่ทางลัดหรือคำตอบสุดท้ายที่ทำให้น้ำหนักลดหรือผอมลงอย่างแน่นอน
อย่างไรเสียการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกวิธี และการออกกำลังกาย
ยังคงเป็นคำตอบหลักของความผอมพร้อมสุขภาพดีค่ะ
Wednesday, January 21, 2015
5 เคล็ดลับลดหน้าท้องที่ทำได้ง่ายแทบไม่น่าเชื่อ
ผู้หญิงคนไหนบ้างคะที่ไม่อยากสวยหุ่นดี คงไม่มีเป็นแน่ เพราะเสน่ห์ของผู้หญิงเราก็คือ ความสวยตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า โดยหนุ่มๆ ที่มองเรานั้นมักจะสังเกตกันตั้งแต่หน้าตา ผิวพรรณ ทรงผมและรูปร่างกันเลยทีเดียว แต่สำหรับผิวและส่วนอื่นๆ มักจะไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ชายเท่าไร เพราะหนุ่มๆ มักจะให้ความสำคัญกับหุ่นหรือรูปร่างของผู้หญิงก่อนอื่นเสียมากกว่า
ต่อให้ผู้หญิงบางคนหน้าตาจืดๆ ธรรมดา แต่หากหุ่นสวยเพรียวและมีหน้าท้องแบนราบด้วยล่ะก็ เชื่อไหมคะว่ามันจะทำให้เธอมีหุ่นราวนางแบบที่สามารถแต่งตัวแบบไหนก็ออกมาสวยเจิดจรัสได้ดีเยี่ยมสุดๆ เพราะฉะนั้น การมีหุ่นดีนี่แหละค่ะนับเป็นสิ่งที่สาวๆ พึงแสวงหาเพื่อเป็นรางวัลแห่งเสน่ห์ที่ควรค่ามีไว้ประดับเรือนร่างสุดๆ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักและลดหน้าท้องให้แบนราบด้วยวิธีง่ายๆ ไปพร้อมกัน เริ่มจากอะไรนั้นมาดูกันเลยนะคะ
1.แขม่วหน้าท้องและออกกำลังกาย
นั่งทำงานในระหว่างวัน ไม่ต้องคิดมากเลยว่าจะทำยังไงให้ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ เพราะสาวๆ แค่หมั่นแขม่วหน้าท้องบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ แค่นี้ก็จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันหน้าท้องให้ค่อยๆ หายไปได้แล้วค่ะ และตกเย็นใน 3-4 วันต่อสัปดาห์อย่าลืมหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง หากไม่มีเวลาจริงๆ ทำงานบ้านให้เหงื่อออกมากๆ ก็ช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้แล้วเช่นกัน
2.กินอาหารที่เน้นไฟเบอร์สูง
เลือกกินผักผลไม้ที่ให้ไฟเบอร์สูงทุกมื้ออาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทุกชนิด น้ำหวาน น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ที่ดื่มแล้วจะทำให้เกิดไขมันสะสมหน้าท้อง จงงดไปเลยค่ะ แต่หันมาดื่มน้ำเปล่าระหว่างวันให้มากๆ แทน หน้าท้องก็จะลดลงในตัวและช่วยควบคุมความหิวได้มากขึ้นแล้ว
3.งดกินอาหารรสเค็ม
อาหารรสเค็มควรหลีกเลี่ยงหรือกินแบบจืดๆ จะดีกว่า เพราะอาหารที่มีเกลือโซเดียมนั้นจะยิ่งทำให้เราหิวของหวานและหิวอาหารตลอดเวลา อีกทั้งยังทำให้ร่างกายบวมน้ำอีกด้วย หน้าท้องก็จะลดลงยากด้วย
4.นอนให้เร็วขึ้น
การเข้านอนเร็วและนอนพักผ่อนให้เพียงพอจะทำให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สาวคนไหนอยากหุ่นดี ผิวสวย อ่อนเยาว์หันมานอนเร็วดีกว่าและก่อนนอนอาจจะซิทอัพทุกคืน ทำเป็นประจำแค่นี้ คุณก็จะพบว่าการลดน้ำหนักและลดหน้าท้องนั้น ทำได้ง่ายมากกว่าที่คิดจริงๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ หากสาวๆ ปรารถนาการมีหุ่นดี สุขภาพแข็งแรงและหน้าท้องแบนราบอย่างเป็นธรรมชาติ ทำตามนี้ได้ผลดีแน่นอน แล้วคุณก็จะมีเสน่ห์ความงามติดตัวไปทุกหนทุกแห่งแบบไม่ต้องเสียเงินแต่งเติมเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก sanook.com
ต่อให้ผู้หญิงบางคนหน้าตาจืดๆ ธรรมดา แต่หากหุ่นสวยเพรียวและมีหน้าท้องแบนราบด้วยล่ะก็ เชื่อไหมคะว่ามันจะทำให้เธอมีหุ่นราวนางแบบที่สามารถแต่งตัวแบบไหนก็ออกมาสวยเจิดจรัสได้ดีเยี่ยมสุดๆ เพราะฉะนั้น การมีหุ่นดีนี่แหละค่ะนับเป็นสิ่งที่สาวๆ พึงแสวงหาเพื่อเป็นรางวัลแห่งเสน่ห์ที่ควรค่ามีไว้ประดับเรือนร่างสุดๆ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักและลดหน้าท้องให้แบนราบด้วยวิธีง่ายๆ ไปพร้อมกัน เริ่มจากอะไรนั้นมาดูกันเลยนะคะ
1.แขม่วหน้าท้องและออกกำลังกาย
นั่งทำงานในระหว่างวัน ไม่ต้องคิดมากเลยว่าจะทำยังไงให้ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ เพราะสาวๆ แค่หมั่นแขม่วหน้าท้องบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ แค่นี้ก็จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันหน้าท้องให้ค่อยๆ หายไปได้แล้วค่ะ และตกเย็นใน 3-4 วันต่อสัปดาห์อย่าลืมหาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง หากไม่มีเวลาจริงๆ ทำงานบ้านให้เหงื่อออกมากๆ ก็ช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้แล้วเช่นกัน
2.กินอาหารที่เน้นไฟเบอร์สูง
เลือกกินผักผลไม้ที่ให้ไฟเบอร์สูงทุกมื้ออาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทุกชนิด น้ำหวาน น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ ที่ดื่มแล้วจะทำให้เกิดไขมันสะสมหน้าท้อง จงงดไปเลยค่ะ แต่หันมาดื่มน้ำเปล่าระหว่างวันให้มากๆ แทน หน้าท้องก็จะลดลงในตัวและช่วยควบคุมความหิวได้มากขึ้นแล้ว
3.งดกินอาหารรสเค็ม
อาหารรสเค็มควรหลีกเลี่ยงหรือกินแบบจืดๆ จะดีกว่า เพราะอาหารที่มีเกลือโซเดียมนั้นจะยิ่งทำให้เราหิวของหวานและหิวอาหารตลอดเวลา อีกทั้งยังทำให้ร่างกายบวมน้ำอีกด้วย หน้าท้องก็จะลดลงยากด้วย
4.นอนให้เร็วขึ้น
การเข้านอนเร็วและนอนพักผ่อนให้เพียงพอจะทำให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สาวคนไหนอยากหุ่นดี ผิวสวย อ่อนเยาว์หันมานอนเร็วดีกว่าและก่อนนอนอาจจะซิทอัพทุกคืน ทำเป็นประจำแค่นี้ คุณก็จะพบว่าการลดน้ำหนักและลดหน้าท้องนั้น ทำได้ง่ายมากกว่าที่คิดจริงๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ หากสาวๆ ปรารถนาการมีหุ่นดี สุขภาพแข็งแรงและหน้าท้องแบนราบอย่างเป็นธรรมชาติ ทำตามนี้ได้ผลดีแน่นอน แล้วคุณก็จะมีเสน่ห์ความงามติดตัวไปทุกหนทุกแห่งแบบไม่ต้องเสียเงินแต่งเติมเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก sanook.com
Monday, January 19, 2015
Friday, January 16, 2015
กลอนวันครู
กลอน กลอนวันครู
แบกภาระ หนักอึ้ง ซึ่งยากยิ่ง
ทำทุกสิ่ง เพื่อทุกศิษย์ ไม่ถอดถอย
อบรม บ่มจิต ลูกศิษย์น้อย
ให้เจ้าค่อย เข้าใจ ในวิชา
จากอีกรุ่น ต่ออีกรุ่น สู่อีกรุ่น
ขอบพระคุณ คุณครู ผู้สง่า
สั่งสอนศิษย์ มีศีลธรรม นำจรรยา
น้อมเคารพ บูชา พระคุณครู
มะลิร้อย มาลัยพวง ดวงดอกไม้
ทั้งธูปเทียน ที่นำไหว้ ในวันนี้
คือความรัก เคารพครู ผู้หวังดี
ศิษย์คนนี้ ที่ได้ดี เพราะเชื่อครู
Wednesday, January 14, 2015
เช้งวับ 5 กฎเหล็ก … อยากผอมสวย หุ่นดี อาหารเช้าช่วยคุณได้ !
เปลี่ยนความคิดเดิมๆ จากการที่ต้องทานอาหารวันละมื้อ หรือทานยาลดความอ้วนให้เสียสุขภาพ และเสียเงินโดยใช่เหตุไปได้เลย เพราะแค่ทานอาหารเช้าตามกฎเหล็ก 5 ข้อที่ไทยรัฐออนไลน์นำมาฝากกันก็ช่วยลดอ้วนได้ง่ายๆ แถมถ้าคุณออกกำลังกายเป็นประจำด้วยแล้ว รับรองว่าจากหุ่นอ้วนเผละ ไร้เสน่ห์ดึงดูดใจ จะแปรเปลี่ยนเป็นหุ่นสวยเช้งกระชับจนหนุ่มๆ มองตาเป็นมันเลยล่ะ
1. ทานอาหารเร็วเท่าที่เป็นไปได้
ทานอาหารเร็วในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการรีบเร่งทานแต่อย่างใด หากแต่หมายถึงการทานอาหารหลังจากตื่นนอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ อย่างน้อยสุดคือ 1 ชั่วโมง หลังจากตื่นนอน เพราะจากผลวิจัยพบว่าการทานอาหารเช้าเร็วนั้น จะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึมของคุณในตอนเช้า และช่วยให้คุณไม่รู้สึกหิวบ่อยระหว่างวันจนต้องหยิบของทานเล่นมาทานตลอดเวลา วิธีนี้จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้อย่างจริงจังเพราะคุณได้เบิร์นไขมันและพลังงานทั้งหมดออกมาใช้ระหว่างวัน !
2. ย้ำทานโปรตีน และลดปริมาณน้ำตาล
ใครว่าทานอาหารที่ใส่น้ำตาลมากจะช่วยเพิ่มพลังงานและความประปรี้กระเปร่าให้คุณในตอนเช้า รวมถึงทำให้สมองคุณแล่นไบร์ทตลอดวัน ความคิดนี้ไม่จริงเอาซะเลย เพราะนอกจากน้ำตาลจะให้คุณค่าทางอาหารและพลังงานแก่ร่างกายน้อยแล้ว ยังทำให้จำนวนแคลอรี่พุ่งสูงขึ้น เป็นสาเหตุทำให้คุณอ้วนขึ้นไม่รู้ตัวด้วย ยิ่งบางคนทานน้ำตาลในปริมาณมากต่อวันจนลืมสังเกตตัวเองไปว่า 'คุณมีเพิ่มน้ำหนักขึ้นเท่าไหร่แล้ว ?' ยิ่งน่าเป็นห่วง …
ทางที่ดีลองเปลี่ยนการบริโภคเพื่อหุ่นสวยอย่างเฮลตี้ ทานโปรตีนในตอนเช้าแทนน้ำตาล อย่างเช่น ไข่ หรือโฮลเกรนธัญพืช แหล่งรวมโปรตีนสูงและให้พลังงานคุณอย่างเต็มเปี่ยมจะดีกว่านะ
3. ทานไฟเบอร์อย่างน้อย 8 กรัม
รู้หรือไม่ ..? อาหารเช้าที่ให้ไฟเบอร์สูงอย่าง ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, ถั่วลันเตา และถั่วต่างๆ, ผลเบอร์รี่ หรือแม้แต่บร็อกโคลี่ เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม เพราะอาหารไฟเบอร์สูงมักจะใช้เวลาในการเคี้ยวมากกว่า ซึ่งการทานช้าลงจะช่วยป้องกันการรับประทานอาหารมากเกินไปได้ และยังทำให้อิ่มและอยู่ท้องได้นานกว่า ทำให้คุณไม่ต้องพึ่งพาของจุกจิกระหว่างวัน !
นอกจากไฟเบอร์จะช่วยควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานแล้ว ยังจัดเป็นกลุ่มอาหารที่ให้พลังงานไม่มากเกินไป ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดการดูดซึมของน้ำตาลได้ดีทีเดียว
4. ทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ
ใครที่คิดว่าจะอดอาหารเช้าเพื่อหุ่นสวยนั้น ล้มเลิกความคิดไปได้เลย ไม่เพียงแต่การงดมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกระตุ้นให้คุณทานมื้อกลางวัน และมื้อเย็นมากขึ้นแทนมื้อเช้าที่ขาดหาย ซึ่งสองมื้อนี้แหละเป็นที่มาของความอ้วนอย่างที่คุณคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นเราแนะว่าให้คุณทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายย่อยและเผาผลาญอาหารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หยิบยกพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายมาใช้ … เบิร์นแคลอรี่ตลอดวัน
5. คำนึงถึงปริมาณอาหารต่อมื้อ
โดยเฉพาะมื้อเช้าที่คุณต้องแบ่งสัดส่วนการบริโภคให้ดี ซึ่งคุณไม่ควรจะทานมากเกินไป หรือน้อยเกินไปแค่หยิบมือ เพราะนั่นอาจทำให้ในระหว่างวันคุณรู้สึกหมดแรง เพลีย อ่อนล้า และสมองตื้อตันขึ้นมาซะดื้อๆ เนื่องจากไม่มีสารอาหารไปเลี้ยงสมองเพียงพอ อย่างน้อยสุดในมื้อเช้าคุณควรบริโภคประมาณ 350 แคลอรี่ หรือปริมาณราวครึ่งหนึ่งของจำนวนแคลอรี่ที่ได้รับตลอดทั้งวันกำลังดีนะ ไม่เพียงแต่คุณจะมีแนวโน้มลดน้ำหนักในระยะยาวได้เท่านั้น แต่ไขมันส่วนเกินก็ไม่กลับมาเกาะรอบเอวคุณให้กังวลใจจนเสียเซลฟ์อีกด้วย ให้คุณสวยเพรียวได้อย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์จะออกมาดีที่สุด ถ้าคุณออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย … เชื่อสิ !
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก Thairath.or.th
Monday, January 12, 2015
7 สุดยอดอาหารสำหรับบำรุงไต
โรคไตเป็นโรคที่อยู่คู่กับม
1.กระเทียมสดและหัวหอม เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านอา
2.พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลีสีเขียวเข้ม (เคล) บร็อกโคลี่ ประกอบไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซีและเค ที่ดีต่อไต
3.ไข่ขาว มีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กที่ดีต่อไต
4.ปลาสด เช่น แซลมอน เทราต์ และซาร์ดีน มีโปรตีนและโอเมกา 3 ที่มนุษย์ไม่สามารถผลิตเอง โดยการกินปลาสดเป็นประจำจะล
5.แครนเบอร์รี่ จะช่วยเพิ่มความเป็นกรดของป
6.แอปเปิ้ล การกินแอปเปิ้ลช่วยลดความเส
7.น้ำมันมะกอก จำนวนประชาชนที่เป็นโรคหัวใ
ที่มา : .thaihealth.or.th
Friday, January 9, 2015
นายกตู่มอบคำขวัญวันเด็ก ปี58 ‘ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต’
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบคำขวัญวันเด็ก ปี 58
‘ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต’
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้มอบคำขวัญให้แก่เด็กและเยาวชนไทย เขียนด้วยลายมือของ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อความว่า “ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” ซึ่งวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2558 จะตรงกับวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.2558.
Wednesday, January 7, 2015
Monday, January 5, 2015
Friday, January 2, 2015
10 อันดับที่อยากเริ่มต้นใหม่ ในปีใหม่
10 อันดับที่อยากเริ่มต้นใหม่ ในปีใหม่
หลายๆ คนเมื่อถึงเวลาเริ่มต้นในปีใหม่ มักจะตั้งใจจะทำอะไรที่เป็นการเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ เหมือนเป็นการนับ 1 ใหม่กับหลายๆ สิ่งแล้วทิ้งสิ่งที่แย่ๆ ไว้กับปีที่ผ่านมาไป มาลองดูผลจากการสำรวจจาก Top Ten Thailand กันดีกว่า ว่ามีสิ่งไหนบ้าง ที่หลายๆ คนอยากจะเริ่มต้นใหม่กัน
อันดับที่ 1 – เป็นคนดี
อะไรที่เคยทำไม่ดีไว้ ที่มันแย่ ที่มันไม่สมควร ก็ทิ้งไปให้หมด ปีใหม่แบบนี้ก็ตั้งใจทำแต่สิ่งดีๆ การเป็นคนดีไม่มีคำว่าสายเกินไปแน่นอน
1.เที่ยวในประเทศ เราขอแนะนำว่า ให้คุณลองไปเที่ยวในวันธรรมดาดู อาจติดกับวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ แต่ไม่ควรตรงกับช่วงเทศกาล จะได้หลีกหนีจากการแย่งกินแย่งเที่ยว และส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าปกติ
อันดับที่ 2 – เก็บออมเงิน
เป็นสิ่งหนึ่งที่ดีมาก เพียงตั้งใจเก็บออมเสียแต่วันนี้ ก็จะช่วยให้อนาคตมีความมั่นคง และถึงแม้ในอนาคตจะไม่มีใครดูแลเรายามแก่เฒ่า แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีเงินออมที่เก็บไว้ใช้ในการดูแลตัวเอง
อันดับที่ 3 – ตั้งใจเรียน
ปีที่ผ่านมาเด็ก ๆ หลายคนอาจจะมีผลการเรียนแย่ เกรดไม่ดี โดนผู้ปกครองตำหนิ ปีใหม่แบบนี้หลายคนเลยอยากที่จะเริ่มต้นใหม่ด้วยการตั้งใจเรียน เพราะผลการเรียนที่ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่ออนาคตของตัวเอง
อันดับที่ 4 – ลดความอ้วน
ปลายปีมีวันหยุดเยอะ ได้เที่ยวได้พักผ่อน แถมงานปาร์ตี้มากมายทำให้ไขมันมาเยือน ก็ต้องตั้งใจฟิตหุ่นให้กลับมาดูดีในปีใหม่สักหน่อย
อันดับที่ 5 – ทำความสะอาดบ้าน
เริ่มต้นปีใหม่ ลองจัดการบ้านตัวเองให้สะอาด ดูใหม่ บ้านจะได้มีแต่ความสะอาด สดใส คนอยู่อาศัยก็จะมีสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตดีไปด้วย
อันดับที่ 6 – งดเว้นอบายมุข
ปีใหม่แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องลด ละ เลิก อบายมุขทั้งหลายเสียที เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนเพราะนอกจากจะทำให้เสียทั้งเงินทองแล้วยังเสียสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วย เริ่มต้นใหม่กันดีกว่า
อันดับที่ 7 – หาแฟนใหม่
ข้อนี้สงสัยติดอันดับเพราะแฟนเก่าของหลายๆ คนคงเอาแต่ใจ ไปด้วยกันไม่ได้ ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เอาเป็นว่าถ้าปรับตัว เปลี่ยนแปลงให้เข้าหากันไม่ได้ ก็ลองหาคนใหม่ ๆ ที่ดีและเหมาะกับเราแล้วเข้ากันได้ทุกเรื่องนะจ๊ะ
อันดับที่ 8 – เลิกเจ้าชู้
ถึงเวลาปรับปรุงตัวเองเพื่อคนที่เรารัก ดังนั้นในปีใหม่แบบนี้ เลิกทำตัวเจ้าชู้แล้วเอาใจใส่กันและกันให้มากขึ้น
อันดับที่ 9 – หางานใหม่
ถ้ารู้สึกว่างานที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด ก็ลองหางานใหม่ที่เหมาะสม ท้าทาย เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานในปีใหม่กันดูนะจ๊ะ
อันดับที่ 10 – หาบ้านใหม่
บางคนอาจมองหาบ้านใหม่ ที่อยู่ใหม่ เพื่อความสะดวกในหลาย ๆ อย่าง ก็เป็นอีกการเริ่มต้นที่ดีในปีใหม่นี้
Credit : ผลจากการสำรวจจากผู้สำรวจ 1,586 คนจากเว็บไซต์ Top Ten Thailand
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก azay.co.th
อะไรที่เคยทำไม่ดีไว้ ที่มันแย่ ที่มันไม่สมควร ก็ทิ้งไปให้หมด ปีใหม่แบบนี้ก็ตั้งใจทำแต่สิ่งดีๆ การเป็นคนดีไม่มีคำว่าสายเกินไปแน่นอน
1.เที่ยวในประเทศ เราขอแนะนำว่า ให้คุณลองไปเที่ยวในวันธรรมดาดู อาจติดกับวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ แต่ไม่ควรตรงกับช่วงเทศกาล จะได้หลีกหนีจากการแย่งกินแย่งเที่ยว และส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าปกติ
อันดับที่ 2 – เก็บออมเงิน
เป็นสิ่งหนึ่งที่ดีมาก เพียงตั้งใจเก็บออมเสียแต่วันนี้ ก็จะช่วยให้อนาคตมีความมั่นคง และถึงแม้ในอนาคตจะไม่มีใครดูแลเรายามแก่เฒ่า แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีเงินออมที่เก็บไว้ใช้ในการดูแลตัวเอง
อันดับที่ 3 – ตั้งใจเรียน
ปีที่ผ่านมาเด็ก ๆ หลายคนอาจจะมีผลการเรียนแย่ เกรดไม่ดี โดนผู้ปกครองตำหนิ ปีใหม่แบบนี้หลายคนเลยอยากที่จะเริ่มต้นใหม่ด้วยการตั้งใจเรียน เพราะผลการเรียนที่ดีขึ้นไม่ใช่เพื่อใคร ก็เพื่ออนาคตของตัวเอง
อันดับที่ 4 – ลดความอ้วน
ปลายปีมีวันหยุดเยอะ ได้เที่ยวได้พักผ่อน แถมงานปาร์ตี้มากมายทำให้ไขมันมาเยือน ก็ต้องตั้งใจฟิตหุ่นให้กลับมาดูดีในปีใหม่สักหน่อย
อันดับที่ 5 – ทำความสะอาดบ้าน
เริ่มต้นปีใหม่ ลองจัดการบ้านตัวเองให้สะอาด ดูใหม่ บ้านจะได้มีแต่ความสะอาด สดใส คนอยู่อาศัยก็จะมีสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตดีไปด้วย
อันดับที่ 6 – งดเว้นอบายมุข
ปีใหม่แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องลด ละ เลิก อบายมุขทั้งหลายเสียที เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนเพราะนอกจากจะทำให้เสียทั้งเงินทองแล้วยังเสียสุขภาพร่างกายและจิตใจด้วย เริ่มต้นใหม่กันดีกว่า
อันดับที่ 7 – หาแฟนใหม่
ข้อนี้สงสัยติดอันดับเพราะแฟนเก่าของหลายๆ คนคงเอาแต่ใจ ไปด้วยกันไม่ได้ ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เอาเป็นว่าถ้าปรับตัว เปลี่ยนแปลงให้เข้าหากันไม่ได้ ก็ลองหาคนใหม่ ๆ ที่ดีและเหมาะกับเราแล้วเข้ากันได้ทุกเรื่องนะจ๊ะ
อันดับที่ 8 – เลิกเจ้าชู้
ถึงเวลาปรับปรุงตัวเองเพื่อคนที่เรารัก ดังนั้นในปีใหม่แบบนี้ เลิกทำตัวเจ้าชู้แล้วเอาใจใส่กันและกันให้มากขึ้น
อันดับที่ 9 – หางานใหม่
ถ้ารู้สึกว่างานที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด ก็ลองหางานใหม่ที่เหมาะสม ท้าทาย เพื่อเพิ่มความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานในปีใหม่กันดูนะจ๊ะ
อันดับที่ 10 – หาบ้านใหม่
บางคนอาจมองหาบ้านใหม่ ที่อยู่ใหม่ เพื่อความสะดวกในหลาย ๆ อย่าง ก็เป็นอีกการเริ่มต้นที่ดีในปีใหม่นี้
Credit : ผลจากการสำรวจจากผู้สำรวจ 1,586 คนจากเว็บไซต์ Top Ten Thailand
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก azay.co.th
Subscribe to:
Posts (Atom)